วิธีการเลือกซื้อแอร์ (เครื่องปรับอากาศ) อย่างไรให้คุ้มค่า

0
1504

อากาศร้อนอย่างบ้านเรา ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลใดๆ พัดลมก็เอาไม่อยู่ แอร์ หรือ เครื่องปรับอากาศจึงถือว่าเป็นสิ่งที่หลายๆคนจำเป็นต้องมีไว้ที่บ้าน ที่ทำงาน แต่เครื่องปรับอากาศไม่ใช่ราคาแค่ไม่กี่ร้อย จะเลือกซื้อทั้งทีก็ต้องให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปคงจะดีกว่านะคะ

แอร์

ขนาดของบีทียู (BTU)

เป็นสิ่งแรกที่เราต้องพิจารณาก่อนจะตัดสินใจซื้อแอร์ โดย BTU เป็นหน่วยที่บอกว่าเครื่องปรับอากาศนี้สามารถในการถ่ายเถหรือดึงความร้อนออกจากห้อง และทำความเย็นภายในห้อง ซึ่งขนาดของBTU จะต้องสัมพันธ์กับขนาดของห้องที่จะทำการติดตั้งแอร์ โดยทั่วไปแอร์จะมีมาตรฐานเริ่มต้นที่ 9000-24000 BTU หากเครื่องปรับอากาศขนาด 18000 BTU/ชั่วโมง หมายความว่า แอร์ตัวนี้ทีค่าประสิทธิภาพในการนำพาความร้อนออกจากห้องในเวลา 1 ชั่วโมงถึง 18000 BTU

เราสามารถคำนวณขนาดของ BTU ได้เอง คือ ความกว้าง x ความยาว x ตัวแปร  ซึ่งค่าตัวแปรทั่วๆไป จะอยู่ที่ 600-700 สามารถใช้กับห้องทั่วๆไป ฝ้าเพดานต่ำ และห้องที่ใช้แอร์ในช่วงกลางคืน  แต่หากห้องของคุณมีแดดส่งตลอดเวลา เพดานห้องสูงๆ ตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันตก ก็อาจเปลี่ยนค่าตัวแปรเป็น 800-1000 หรือหากคุณต้องการนำแอร์ไปติดที่ร้านค้า ร้านอาหาร ออฟฟิต ที่ต้องเปิดประตูบ่อยๆ หรือห้องที่มีคนจำนวนมาก อาจจะต้องเปลี่ยนตัวแปรเป็น 1200 แทน ซึ่งจะทำให้คุณเลือกแอร์ได้เหมาะสมกับการใช้งานจริงๆคะ

บางคนคิดว่าหากเลือกแอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องก็จะทำให้ห้องเย็นเร็ว เมื่อห้องเย็นเร็วคอมเพรสเซอร์ก็จะตัดเร็ว แต่เมื่อคอมเพรสเซอร์ตัดเร็ว และก็จะตัดบ่อยด้วย และทำให้ห้องมีความชื้นสูงตาม และทุกสิ้นเดือนคุณจะตกใจกับค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น นั้นคือความสิ้นเปลือง แต่หากคุณต้องการประหยัดเลือกซื้อแอร์ขนาดเล็ก ราคาจะถูกลง สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือ ห้องไม่เย็น ห้องเย็นช้า และคอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จะทำให้อายุการงานสั้นลงและก็ยังคงจ่ายค่าไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน

ประหยัดไฟ

อย่างที่ทราบกันว่าแอร์นั้นค่อนข้างจะกินไฟ และคนส่วนมากมักเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ไม่สามารทนอยู่กับอากาศร้อนๆได้ การเลือกแอร์ที่ช่วยคุณประหยัดค่าไฟฟ้าได้ก็คงจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี จึงให้คุณสังเกตสิ่งต่อไปนี้

  • ค่า EER (Energy Efficiency Ratio) คือ ค่าในการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งวัดค่าจากความสามารถในการทำความเย็นต่อกำลังไปที่ใช้ไป ถ้าค่า EER สูงแสดงว่าเครื่องปรับอากาศนี้กินไฟน้อยคะ ซึ่งค่า EER ควรอยู่ที่11 หรือสูงกว่านั้นก็จะยิ่งดี
  • ค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) คือ ค่าในการใช้พลังงานตามฤดูกาลของเครื่องปรับอากาศ โดยได้นำค่าการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศมาคำนวณร่วมด้วย จริงมีค่าใกล้เคียงกับสภาพการใช้พลังงานจริงมากกว่า EER คะ
  • ระบบอินเวอร์เตอร์ เป็นระบบที่เน้นการสร้างความเย็นคงที่ อุณหภูมิจะไม่แกว่งไป-มา ทำงานเงียบด้วยระบบต่อเนื่องแบบลดรอบมอเตอร์ จึงทำให้ประหยัดพลังงาน กินไฟน้อย  จึงต่างจากแอร์ระบบปกติที่ทำความเย็นถึงจุดหนึ่งแล้วตัด แล้วเริ่มทำงานใหม่ จึงมีเสียงรบกวน แต่แอร์ระบบนี้จะมีราคาสูงสักหน่อยนะคะ
  • ฉลากเบอร์5 เป็นสัญลักษณ์ที่เราสังเกตได้ง่าย ติดอยู่บนเครื่องปรับอากาศรุ่นไหน แสดงว่ารุ่นนี้ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย

การรับประกัน

แอร์มีอายุการใช้งานยาวนานจึงจำเป็นต้องสนใจเรื่องการรับประกัน ว่าส่วนไหนบ้าง ยาวนานแค่ไหน รวมทั้งบริการหลักการขาย เมื่อแอร์เสียจะส่งซ่อมอย่างไร ส่งได้ที่ไหน มีอะไหล่รองรับหรือไม่ คุณคงไม่ยอมนอนร้อนเพราะต้องอะไหล่นานใช้ไหมคะ

เพียงเท่านี้การซื้อ แอร์ ก็ไม่ใช้เรื่องยาก และคุ้มค่าแน่นอนคะ